เริ่มต้นด้วยการบอกให้เราทราบเกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ
คุณอยู่ในภูมิภาคใด
เริ่มต้นด้วยการบอกให้เราทราบเกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ
คุณมีจำนวนการดูหน้าเว็บรายเดือนทั้งหมดเท่าใด
ฉันควรตอบคำถามนี้อย่างไร
จำนวนการดูหน้าเว็บรายเดือนทั้งหมด (หรือ Hit การดูหน้าเว็บ, Hit การติดตามหน้าเว็บ) คือจำนวนครั้งทั้งหมดที่มีการโหลดหน้าเว็บ (หรือโหลดซ้ำ) ในเบราว์เซอร์ในช่วง 28 วัน หากผู้ใช้คลิกโหลดซ้ำหลังจากมาถึงหน้าเว็บแล้ว ระบบจะนับการดำเนินการนี้เป็นการดูหน้าเว็บเพิ่มเติม หากผู้ใช้ไปยังหน้าอื่นแล้วกลับมาที่หน้าเดิม ระบบจะบันทึกการดูหน้าเว็บครั้งที่ 2 ด้วย
ฉันไม่ทราบจำนวนรวมการดูหน้าเว็บรายเดือน
คุณคำนวณจำนวนรวมของการดูหน้าเว็บรายเดือนโดยประมาณได้ โดยคูณผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่รายเดือน (MAU), การเปิดดูหน้าเว็บโดยเฉลี่ยต่อการเข้าชม และการเข้าชมรายเดือนเฉลี่ยต่อผู้ใช้
ผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่รายเดือน (MAU)
ผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่รายเดือนคือจำนวนผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำ ซึ่งเริ่มต้นเซสชันบนเว็บไซต์หรือแอปของคุณในช่วง 30 วันที่ผ่านมา หากลงชื่อเข้าใช้ Google Analytics คุณจะสามารถเข้าถึงรายงานผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่เพื่อดูจำนวนผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่แยกตามราย 1 วัน, 7 วัน, 14 วัน และ 28 วัน
การเปิดดูหน้าเว็บโดยเฉลี่ยต่อการเข้าชม
การเปิดดูหน้าเว็บโดยเฉลี่ยต่อการเข้าชมคือจำนวนหน้าโดยเฉลี่ยที่มีการดูระหว่างการเข้าชมครั้งเดียวในช่วงระยะเวลา 28 วัน การดูหน้าเว็บ 1 ครั้งคือการที่หน้าเว็บโหลดขึ้น 1 ครั้ง (หรือโหลดซ้ำ) ในเบราว์เซอร์ หากผู้ใช้คลิกโหลดซ้ำหลังจากมาถึงหน้าเว็บแล้ว ระบบจะนับเป็นการดูหน้าเว็บเพิ่มเติม 1 ครั้ง หากผู้ใช้ไปยังหน้าอื่นแล้วกลับมาที่หน้าเดิม ระบบจะบันทึกการดูหน้าเว็บครั้งที่ 2 ด้วย
การเข้าชมรายเดือนเฉลี่ยต่อผู้ใช้
การเข้าชมต่อผู้ใช้คือจำนวนครั้งโดยเฉลี่ยที่ผู้ใช้เข้าชมเว็บไซต์ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วคือในช่วง 28 วัน
เริ่มต้นด้วยการบอกให้เราทราบเกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ
การมองเห็นโฆษณาของคุณเป็นอย่างไร
ฉันควรตอบคำถามนี้อย่างไร
การมองเห็นโฆษณาเป็นวิธีที่ใช้อธิบายการมีส่วนร่วมของผู้ใช้กับโฆษณา โดยจะถือว่ามีการมองเห็นโฆษณาหากอยู่ในมุมมองของผู้อ่านอย่างน้อย 50% เป็นเวลาอย่างน้อย 1 วินาที และเป็นเวลาอย่างน้อย 2 วินาทีสำหรับวิดีโอ
การมองเห็นโฆษณานั้นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับเมตริกอื่นๆ ดังนี้
- เมื่อคุณเพิ่มการมองเห็นโฆษณา ก็คาดการณ์ได้ว่าต้นทุนต่อการแสดงผลพันครั้ง (CPM) จะเพิ่มขึ้นด้วย หากการมองเห็นโฆษณาอยู่ที่ 70-80% CPM จะสูงกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับการมองเห็นโฆษณาที่ 10%
- ขนาด ประเภท และตำแหน่งของหน่วยโฆษณาจะมีผลต่อการมองเห็นโฆษณา เมื่อคุณเพิ่มจำนวนหน่วยโฆษณาต่อหน้า ก็คาดการณ์ได้ว่าการมองเห็นโฆษณาจะลดลงด้วย โฆษณาที่อยู่ครึ่งหน้าบนหรือในมุมมองแรกเมื่อผู้ใช้มาถึงเว็บไซต์จะมองเห็นได้มากกว่าและมี CPM สูงกว่าโฆษณาที่อยู่ครึ่งหน้าล่างหรือใต้มุมมองแรก ซึ่งผู้ใช้ต้องเลื่อนลงไปที่ด้านล่างของหน้า ตามข้อมูลของ Google โฆษณาที่อยู่บริเวณด้านล่างของหน้าจอครึ่งหน้าบนโดยทั่วไปจะมีอัตราการมองเห็นโฆษณาสูงสุด ส่วนโฆษณาที่แสดงใต้แถบนำทางด้านบนพอดีจะมีอัตราการมองเห็นโฆษณาสูงกว่าโฆษณาที่อยู่ด้านบนสุดของหน้า
ฉันไม่ทราบอัตราการมองเห็นโฆษณาของฉัน
โดยทั่วไปแล้ว การมองเห็นโฆษณา 70% ถือเป็นมาตรฐานที่ดีสำหรับธุรกิจโฆษณาที่การจัดการมีประสิทธิภาพ การมองเห็นโฆษณาโดยเฉลี่ยสำหรับโฆษณา Display ในอเมริกาเหนือคือ 49-54%
เริ่มต้นด้วยการบอกให้เราทราบเกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ
เว็บไซต์ของคุณมีหน่วยโฆษณากี่หน่วยต่อหน้า
ฉันควรตอบคำถามนี้อย่างไร
หน่วยโฆษณาคือคอนเทนเนอร์ที่คุณวางไว้บนเว็บไซต์หรือในแอปเพื่อแสดงโฆษณาต่อผู้ใช้ หน่วยโฆษณาต่อหน้าคือจำนวนเฉลี่ยของหน่วยโฆษณาที่วางต่อหน้า
หน่วยโฆษณาต่อหน้ามีความสัมพันธ์อย่างมากกับเมตริกอื่นๆ เมื่อคุณเพิ่มจำนวนหน่วยโฆษณาต่อหน้า ก็คาดการณ์ได้ว่าการมองเห็นโฆษณาจะลดลงด้วย
เริ่มต้นด้วยการบอกให้เราทราบเกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ
การขายตรง การขายแบบเป็นโปรแกรม และโฆษณาแบบผู้สนับสนุนจะได้รับส่วนแบ่งการแสดงผลจำนวนเท่าใด
คุณมีการแสดงผลที่มองเห็นได้ทั้งหมด ลองแบ่งการแสดงผลดูในหลายๆ แบบระหว่างการขายตรงกับการขายแบบเป็นโปรแกรม และลองปรับอัตราการขายผ่าน และ CPM เพื่อดูส่วนผสมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสื่อเผยแพร่ของคุณ
ฉันควรตอบคำถามนี้อย่างไร
โดยทั่วไป การขายโฆษณาทำได้ 3 วิธี ได้แก่ การขายตรง การขายแบบเป็นโปรแกรม และโฆษณาแบบผู้สนับสนุน
การขายตรงคือการขายโฆษณาดิจิทัลของคุณให้กับลูกค้าโดยตรง การโฆษณาแบบขายตรงครอบคลุมถึงโฆษณาแบบผู้สนับสนุนและแบบส่วนแบ่งของเสียงในตลาด (SOV) ลักษณะเฉพาะตัวของโฆษณาทั้ง 2 แบบคือ โฆษณาแบบผู้สนับสนุนจะเป็นการขายให้แก่ผู้ลงโฆษณารายเดียวเท่านั้น และโฆษณาแบบส่วนแบ่งของเสียงในตลาดจะเป็นการขายให้แก่ผู้ลงโฆษณาหลายราย โดยผู้ลงโฆษณาแต่ละรายจะได้รับเปอร์เซ็นต์การแสดงผลทั้งหมดที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
การขายแบบเป็นโปรแกรมคือการขายโฆษณาดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มอัตโนมัติ การโฆษณาแบบเป็นโปรแกรมประกอบด้วยการรับประกันแบบเป็นโปรแกรม (หรือดีลที่ต้องการ) การประมูลส่วนตัว และดีลที่ต้องการ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามผู้ซื้อและการกำหนดราคา ดังนี้ การรับประกันแบบเป็นโปรแกรม (หรือดีลที่ต้องการ) เกี่ยวข้องกับผู้ซื้อเฉพาะบางรายที่กำหนดราคาผ่านการเจรจา การประมูลส่วนตัวเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ซื้อเฉพาะบางกลุ่มซึ่งกำหนดราคาผ่านการเสนอราคา และการประมูลแบบเปิดเกี่ยวข้องกับผู้ซื้อรายใดก็ตามที่กำหนดราคาผ่านการเสนอราคา
โฆษณาแบบผู้สนับสนุนคือการโปรโมตสื่อเผยแพร่ของคุณเอง แคมเปญโฆษณาแบบผู้สนับสนุนเป็นแคมเปญการโปรโมตข้ามแพลตฟอร์มที่แสดงโฆษณาในเว็บไซต์หรือแอปบนพื้นที่โฆษณาของสื่อเผยแพร่เองโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
เมื่อคุณกำหนดเป้าหมายส่วนแบ่งการแสดงผลแล้ว ก็คาดการณ์ได้ว่า CPM ของการขายตรงจะสูงกว่า CPM ของการขายแบบเป็นโปรแกรม อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนการดำเนินงานขายตรงที่เติบโตเต็มที่มักมีความท้าทายมากกว่า ซึ่งต้องใช้ xx และ yy การขายแบบเป็นโปรแกรมช่วยให้คุณจัดการปัญหาเรื่องความพร้อมขายของโฆษณาแบบขายตรง ซึ่งก็คือพื้นที่โฆษณาที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของคุณ
Direct | 00,000 |
Programmatic | 00,000 |
Sponsorship | 00,000 |
เริ่มต้นด้วยการบอกให้เราทราบเกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ
คุณคาดว่าจะได้รับอัตราการขายผ่าน (STR) และต้นทุนต่อการแสดงผล (CPM) โดยตรงเท่าใด
อัตราการขายผ่าน (STR) เฉลี่ย
อัตราการขายผ่าน (STR) คือจำนวนโฆษณาที่แสดงหารด้วยจำนวนโฆษณาทั้งหมดที่ขอ โดยทั่วไปแล้ว STR แบบขายตรง 60-80% และ STR แบบเป็นโปรแกรม 100% ถือเป็นมาตรฐานเป้าหมายที่ดีสำหรับธุรกิจโฆษณาที่มีการจัดการที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับการขายแบบเป็นโปรแกรม STR อาจไม่ถึง 100% ด้วยเหตุผลหลายประการดังนี้
- ขายพื้นที่โฆษณาไม่ได้เนื่องจากวงจรการขายได้รับผลกระทบจากฤดูกาล
- ข่าวด่วน พยากรณ์อากาศ เนื้อหาที่ไม่อนุญาต หรือการหยุดชะงักของการแสดงผลตามเนื้อหาอื่นๆ เช่น เมื่อผู้ลงโฆษณาตกลงที่จะใช้จ่าย แต่ไม่ต้องการแสดงข้างเนื้อหาบางอย่าง (เช่น ข่าวอาชญากรรม)
- ปัญหาทางเทคนิค เช่น ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเครือข่าย มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมาก การหมดเวลา และเวลาในการตอบสนอง
- อัตราตีกลับและผู้ใช้ออกจากหน้าก่อนที่โฆษณาจะโหลด
- ความสามารถของฝ่ายขาย
ต้นทุนเฉลี่ยต่อการแสดงผลพันครั้ง (CPM) คืออะไร
CPM (ต้นทุนต่อการแสดงผลพันครั้ง) เป็นวิธีหลักในการขายหน่วยโฆษณาตามการแสดงผล (จำนวนครั้งที่แสดงโฆษณาของคุณ) ต้นทุนนี้เป็นราคาที่ผู้ลงโฆษณาจ่ายเพื่อซื้อการแสดงผลทุกๆ 1,000 ครั้งบนเว็บไซต์ของคุณ
โดยทั่วไปแล้ว CPM แบบขายตรง $10-20 และ CPM แบบเป็นโปรแกรม $<5 ถือเป็นมาตรฐานที่ดีสำหรับธุรกิจโฆษณาที่มีการจัดการที่มีประสิทธิภาพ
เมื่อคุณเพิ่มการมองเห็นโฆษณา ก็คาดการณ์ได้ว่า CPM จะเพิ่มขึ้นด้วย หากการมองเห็นโฆษณาอยู่ที่ 70-80% CPM จะสูงกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับการมองเห็นโฆษณาที่ 10% โปรดทราบว่าการเพิ่มจำนวนหน่วยโฆษณาอาจลดอัตราการมองเห็นโฆษณาลง
ในโมเดลของเรา โฆษณาแบบผู้สนับสนุนไม่ได้สร้างรายได้จากโฆษณาอย่างมากมาย แต่ก็ยังคงมีมูลค่า คุณสามารถคำนวณมูลค่าของโฆษณาแบบผู้สนับสนุนตามมูลค่าที่ได้รับ เช่น หากโฆษณาแบบผู้สนับสนุนกระตุ้นให้ผู้อ่านไปยังหน้าการสมัครสมาชิก คุณสามารถเปรียบเทียบมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าที่คาดว่าจะสมัครสมาชิกกับต้นทุนของโฆษณาได้
เริ่มต้นด้วยการบอกให้เราทราบเกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ
คุณคาดว่าจะได้รับอัตราการขายผ่าน (STR) และต้นทุนต่อการแสดงผลพันครั้ง (CPM) แบบเป็นโปรแกรมเท่าใด
CPM และ STR แบบเป็นโปรแกรมที่ดีคือเท่าใด
โดยทั่วไปแล้วอัตรา CPM แบบเป็นโปรแกรมที่ $1-5 และ STR ที่ 60-90% ถือเป็นมาตรฐานที่ดีสำหรับธุรกิจโฆษณาที่การจัดการมีประสิทธิภาพ
บอกให้เราทราบเกี่ยวกับแนวทางการขายของคุณ
สรุป
โอกาสในการสร้างรายได้โดยประมาณ
รายได้โดยประมาณต่อปีของคุณคือ $ โดยมีการขายโดยตรง และการขายแบบเป็นโปรแกรม
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้คุณเห็นภาพข้อมูลของตนเอง โดย Google จะไม่จัดเก็บไว้
แก้ไขคำตอบและดูการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์
Direct | 00,000 |
Programmatic | 00,000 |
Sponsorship | 00,000 |
Revenue Total | 00,000 |
---|---|
Direct | 00,000 |
Sponsorships | 00,000 |
Programmatic | 00,000 |
Potential Revenue | 00,000 |
---|---|
Direct | 00,000 |
Sponsorships | 00,000 |
Programmatic | 00,000 |