เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ด้วย Google Ads
เพิ่มจำนวนการเข้าชมจากข่าวที่ดีที่สุดของคุณ
Google Ads คืออะไร
การมีกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งสำหรับวิธีที่คุณปรากฏใน Search จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแสดงเนื้อหาของคุณเมื่อผู้อ่านค้นหาและเรียกดูข่าวในส่วนต่างๆ ของ Google Search แต่คุณจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร Google Ads เป็นโซลูชันการโฆษณาออนไลน์ที่จะช่วยให้คุณโปรโมตองค์กรข่าวของคุณในผลการค้นหาได้
ฉันจำเป็นต้องใช้ Google Ads ไหม
แม้ว่าองค์กรข่าวจำนวนมากจะไม่ได้ใช้การโฆษณาแบบชำระเงิน แต่การโฆษณารูปแบบนี้ก็อาจเป็นช่องทางที่ประสบความสำเร็จหากองค์กรของคุณมีเป้าหมายที่จับต้องได้ซึ่งสามารถบรรลุได้ด้วยระดับการมองเห็นที่เพิ่มขึ้นใน Search หากคุณต้องการบรรลุเป้าหมายใดๆ ก็ตามต่อไปนี้ Google Ads อาจเป็นคำตอบสำหรับคุณ
- การเพิ่มสมาชิกแบบชำระเงิน
- การเพิ่มสมาชิกจดหมายข่าว
- การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการรายงานข่าวในหัวข้อหนึ่งๆ โดยเฉพาะ
- การกระตุ้นการลงชื่อสมัครเป็นสมาชิก
Google Ads ทำงานอย่างไร
Google Ads ให้คุณปรากฏบนลิงก์โฆษณาใน Search ได้ อันดับโฆษณาของคุณกำหนดโดยต้นทุนต่อคลิก (CPC) ที่คุณยินดีจะจ่ายและคะแนนคุณภาพ ต้นทุนต่อคลิกของคุณจะแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละคีย์เวิร์ดที่คุณเสนอราคา คะแนนคุณภาพจะกำหนดโดยความเกี่ยวข้องของเว็บไซต์ของคุณกับคีย์เวิร์ดดังกล่าวและประสบการณ์ของผู้ใช้
ดูวิธีเริ่มต้นใช้งาน Google Ads
ขั้นตอนที่ 1
กำหนดเป้าหมาย: ตรวจสอบว่าคุณมีเป้าหมายที่วัดได้สำหรับแคมเปญโฆษณาของคุณ ตัวอย่างเช่น เป้าหมายที่จะกระตุ้น Conversion สำหรับจดหมายข่าวฉบับใหม่ได้ ตรวจสอบว่าคุณสามารถวัดความคืบหน้าสู่เป้าหมายได้
ขั้นตอนที่ 2
ตัดสินใจว่าจะลงโฆษณาที่ไหน: คุณสามารถจำกัดการโฆษณาในวงแคบเพื่อเข้าถึงชุมชนในท้องถิ่น หรือไปถึงระดับประเทศ/โลกหากโฆษณาของคุณเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น
ขั้นตอนที่ 3
สร้างสารที่ต้องการจะสื่อ: ไฮไลต์เหตุผลที่กลุ่มเป้าหมายควรสนใจธุรกิจของคุณหรือแคมเปญที่คุณกำลังโฆษณา ให้ใช้ประโยคสั้นๆ 3 ประโยค
ขั้นตอนที่ 4
กำหนดคีย์เวิร์ดและงบประมาณสูงสุด: กำหนดจำนวนเงินสูงสุดต่อเดือนที่คุณยินดีจ่าย รายการคีย์เวิร์ดสำหรับแคมเปญ และต้นทุนต่อคลิกสำหรับแต่ละคีย์เวิร์ด
หากคุณเป็นองค์กรการกุศล ก็สามารถตรวจสอบว่าคุณมีสิทธิ์ใช้งาน Google Ad Grants หรือไม่
ดู Google Analytics 4
ส่วนต่างๆ ใน Google Analytics 4 มีอะไรบ้าง
- หน้าแรก
- รายงาน
- สำรวจ
- การโฆษณา
- กำหนดค่า
- ผู้ดูแลระบบ
หน้าแรกจะแสดงประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณในช่วง 7 วันที่ผ่านมา และข้อมูลเชิงลึกเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้แมชชีนเลิร์นนิง
ในหน้าแรก คุณจะดูสิ่งต่อไปนี้ได้
- ผู้ใช้
- ผู้ใช้ใหม่
- เวลาในการมีส่วนร่วม
- เวลาที่ใช้
- รายได้จากการสมัครสมาชิก
- การบริจาค
- รายได้จากโฆษณา
- ผู้ใช้ที่อยู่ในเว็บไซต์ในขณะนี้
💡 แนวทางปฏิบัติแนะนำ: ใช้แถบค้นหาที่ด้านบนหากคุณประสบปัญหาในการค้นหาบางสิ่ง
กำหนดเป้าหมาย
คุณจะมีเป้าหมายเดียวหรือหลายเป้าหมายก็ได้สำหรับแคมเปญโฆษณา (เช่น การเพิ่มสมาชิกจดหมายข่าว การทำ Conversion เป็นสมาชิกแบบชำระเงิน การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับหัวข้อการรายงานข่าวเฉพาะกลุ่ม) ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบใดก็ควรสร้างแคมเปญไว้หลายแคมเปญ โดยแต่ละแคมเปญมีสารที่แตกต่างกันและชุดคีย์เวิร์ดที่แตกต่างกันซึ่งคุณหวังให้ปรากฏขึ้นในการค้นหา การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของแคมเปญจะช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนจุดที่ต้องการมุ่งใช้งบประมาณได้เมื่อเวลาผ่านไป
💡 แนวทางปฏิบัติแนะนำ
- วัดค่า: กำหนดเมตริกที่วัดค่าได้ซึ่งอยู่ควบคู่กับเป้าหมายของคุณเพื่อดูว่าแต่ละแคมเปญมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร
- สร้างเป้าหมายใน GA4: สร้างเป้าหมายเหล่านี้ใน Google Analytics และนำเข้าสู่บัญชี Google Ads
- ทำการเปลี่ยนแปลง: ตรวจสอบและประเมินผลซ้ำเป็นประจำว่าแคมเปญจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร
เลือกที่ที่จะโฆษณา
หากคุณเป็นองค์กรข่าวในท้องถิ่น คุณสามารถกำหนดเป้าหมายโฆษณาตามภูมิศาสตร์เป็นผู้อ่านในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องได้
นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกคีย์เวิร์ดที่ต้องการจะเสนอราคาสำหรับการใช้ Smart Bidding โดยคุณจะต้องมี Conversion อย่างน้อย 30 รายการและโดยทั่วไปจะต้องมีข้อมูลระยะเวลานานกว่า 1 เดือน
Smart Bidding คือกลยุทธ์การเสนอราคาที่ใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ Conversion ในการประมูลแต่ละครั้ง โดยสามารถใช้กลยุทธ์ดังกล่าวเพื่อจุดประสงค์ต่อไปนี้
- เพิ่มยอดขายหรือผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าโดยการเพิ่มราคาเสนอเพื่อให้ได้ผู้ใช้ที่เหมาะสม ไม่ว่าต้นทุนจะเป็นเท่าใดก็ตาม (โดยปกติแล้วจะมีต้นทุนสูงขึ้น)
- ปรับแต่งการเสนอราคาตามสัญญาณต่างๆ อย่างเช่นอุปกรณ์ของผู้ใช้ (เช่น การปรับราคาเสนอหากผู้ใช้ใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่) ตำแหน่งทางกายภาพ (เช่น ข่าวเด่น หรือหน้าที่แสดงเฉพาะพื้นที่ที่ผู้ใช้อยู่) วันและเวลา เป็นต้น
สร้างสารที่ต้องการจะสื่อ
ขั้นตอนที่ 1
สร้างคำกระตุ้นให้ดำเนินการ (Call-To-Action หรือ CTA) ที่น่าจะโดนใจผู้อ่าน ซึ่งสะท้อนถึงเป้าหมายทางการตลาดของคุณ
ขั้นตอนที่ 2
จัดลำดับความสำคัญของเนื้อหาหรือหน้า Landing Page ที่คุณต้องการจะโฆษณา เลือกหน้าที่จะมีปริมาณการค้นหาสูงกว่าและ CTA จะนำผู้ใช้ไปยังเป้าหมายของคุณได้อย่างชัดเจน
ขั้นตอนที่ 3
เลือกหน้า Landing Page 10 หน้าที่จะทำงานได้ดีที่สุดและจัดกลุ่มไว้ในแคมเปญ (โดยมีหน้า Landing Page อย่างน้อย 2 หน้าต่อแคมเปญ)
💡 แนวทางปฏิบัติแนะนำ
- สร้างกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่คุณมีการจัด CTA, โครงสร้างบัญชี, แคมเปญ และคีย์เวิร์ดทั้งหมดของคุณไว้
- กำหนดหน้า Landing Page ที่มีความสำคัญสูงสุดซึ่งมีแนวโน้มมากที่สุดที่จะดึงดูดผู้ใช้ใหม่และเปลี่ยนผู้ใช้เหล่านี้เป็นผู้ใช้ขาประจำ
- ตรวจสอบว่า CTA ของหน้า Landing Page อยู่ในครึ่งหน้าบนและมีมากกว่า 1 ที่ มีความชัดเจนและเข้าใจง่าย
กำหนดคีย์เวิร์ดและงบประมาณสูงสุด
แคมเปญจะมีกลุ่มโฆษณาหลายกลุ่มที่จัดไว้เป็นหัวข้อที่เฉพาะเจาะจงซึ่งช่วยให้คงความเป็นระเบียบไว้เสมอ กลุ่มโฆษณาแต่ละกลุ่มจะมีรายการคีย์เวิร์ดซึ่งควรทำให้กลุ่มโฆษณามีความเกี่ยวข้องกับจุดประสงค์ของผู้ค้นหาเสมอ
แต่ละคีย์เวิร์ดจะมีต้นทุนต่อคลิก (CPC) โดยเฉลี่ย ซึ่งคุณจะตรวจสอบได้ในบัญชีของคุณ คุณสามารถกำหนดงบประมาณสูงสุดทั้งแบบรายวันและรายเดือนเพื่อใช้จัดการจำนวนเงินที่จะใช้จ่ายใน Google Ads
💡 แนวทางปฏิบัติแนะนำ
- ตรวจสอบ Google เทรนด์ ว่าผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะใช้คำใดมากที่สุดในการค้นหาและเลือกคีย์เวิร์ดให้เป็นไปตามนั้น
- สร้างแคมเปญโดยอิงตามหัวข้อต่างๆ และกำหนดคีย์เวิร์ดอย่างน้อย 10 คำสำหรับแต่ละหัวข้อ
- กำหนดงบประมาณรายวันและรายเดือนสำหรับแคมเปญต่างๆ
- ตรวจสอบประสิทธิภาพของคีย์เวิร์ดและกลุ่มโฆษณาเป็นประจำเพื่อปรับให้เหมาะสม
-
เพิ่มการเข้าชมด้วยการแชร์ผ่านโซเชียล
บทเรียนเริ่มใช้ประโยชน์จากโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ -
-