ก้าว 1
ใช้งาน Google Earth Engine โดยคุณจะต้องสมัครบัญชีผู้ใช้ gmail ไปที่ signup.earthengine.google.com แล้วทำตามขั้นตอนในการสมัครบริการ Earth Engine ข้อมูลคำขอจะถูกพิจารณาและดำเนินการภายในเวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์

ก้าว 2
หลังจากสมัครบริการแล้วและได้รับการตอบรับให้ใช้งาน Earth Engine คุณสามารถเริ่มศึกษาวิธีการใช้งานชุดเครื่องมือนี้ได้ทันทีหลังจากได้รับการตอบรับแล้ว คุณจะสามารถเข้าไปยัง Earth Engine Code Editor ซึ่งเป็นระบบพัฒนาส่วนการทำงานอินเทอร์แอคทีฟผ่านเบราเซอร์ของ Earth Engine เพื่อการวิเคราะห์ที่ code.earthengine.google.com 

ก้าว 1
เข้าไปยังชุดข้อมูล Earth Engines โดยคลิกที่แท็บ Datasets ในโฮมเพจของ Earth Engine หรือไปที่ developers.google.com/earth-engine/datasets/

ก้าว 2
Data Catalog มีตัวเลือกการใช้งานที่หลากหลาย คุณสามารถดูชุดข้อมูลทั้งหมดแยกตามหมายเหตุกำกับ (แท็ก) หรือสืบค้นชุดข้อมูลจากโปรแกรมดาวเทียมที่ใช้จัดทำ Landsat: หน่วยปฏิบัติการที่ดำเนินการมายาวนานที่สุดในการสืบค้นข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมพื้นผิวโลก  Modis: เครื่องสเปคโตรเรดิโอมิเตอร์บันทึกภาพถ่ายความละเอียดปานกลางที่เริ่มใช้ในวงโคจรโลกเมื่อปี 1999 Sentinel: ส่วนหนึ่งของ Copernicus โครงการสังเกตการณ์พื้นผิวโลกของสหภาพยุโรป

ก้าว 3
เลือก “Browse by tags”

ก้าว 4
จากหมวดเรียกดูจากหมายเหตุกำกับ (แท็ก) คุณสามารถเรียกค้นชุดข้อมูลทั้งหมดที่มีหมายเหตุกำกับสถานที่ที่จัดทำ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องและการใช้งานข้อมูลดังกล่าว เลือกชุดข้อมูล NDVI ซึ่งย่อมาจาก Normalized Difference Vegetation Index

ก้าว 5
หลังจากคลิกที่ NDVI คุณจะถูกนำเข้าสู่ไลบรารี่ชุดข้อมูลทั้งหมดที่ประกอบไปด้วยชุดข้อมูล NDVI ย่อย ชุดข้อมูลแต่ละชุดจะมีภาพและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องบันทึกไว้ ด้านล่างของรายละเอียดจะเป็นรายการหมายเหตุกำกับที่เพิ่มไว้สำหรับชุดข้อมูลดังกล่าว

ก้าว 6
ค้นหาและคลิกที่ MYD13Q1.006 Aqua Vegetation Indices 16-Day Global 250m

ก้าว 7
ตอนนี้คุณอยู่ในชุดข้อมูลแล้ว กล่องข้อมูลด้านล่างจะมีข้อมูลเกี่ยวกับ:  การอ้างอิงข้อมูลอย่างถูกต้อง

ก้าว 8
ด้านล่างของหน้านี้เป็นสนิปเป็ตรหัสข้อมูล โดยเป็นจาวาสคริปต์สนิปเป็ตที่หากคุณคลิกที่ปุ่ม ‘OPEN CODE EDITOR” จะเป็นการเปิดหน้าต่างใหม่ขึ้นมาขณะที่ Earth Engine ทำงานอยู่

ก้าว 1
หากคุณติดตามคำแนะนำจากเราคาดว่าคุณจะเคยได้เปิดตัวอย่างรหัสชุดข้อมูล NDVI ในระบบแก้ไขรหัสข้อมูลไปแล้ว คลิกที่ปุ่ม “Run” ด้านบนของระบบแก้ไขเพื่อเรียกใช้ตัวอย่างรหัสข้อมูล เพื่อเรนเดอร์ชุดข้อมูลเป็นเลเยอร์ใหม่ในแผนที่โลก

ก้าว 2
ระบบแก้ไขรหัสข้อมูลนี้มีการเรนเดอร์ชุดข้อมูลในแผนที่แล้ว คุณสามารถซูมเข้าหรือแพนภาพในแผนที่ได้ นอกจากนี้ การแก้ไขรหัสข้อมูลดังกล่าวในระบบแก้ไขยังช่วยให้คุณสามารถแก้ไขภาพที่จัดแสดง หากคุณแก้ไขวันที่ที่แจ้งว่า: .filter(ee.Filter.date('2018-01-01', '2018-05-01')); .filter(ee.Filter.date('2018-01-01', '2018-05-01'));คุณจะสามารถแก้ไขภาพที่จัดแสดงในหน้าจอดังกล่าวได้

ก้าว 3
ทางด้านซ้ายของระบบแก้ไขรหัสข้อมูลจะเป็นระบบจัดการสคริปต์ ระบบจัดการสคริปต์นี้จะมีสนิปเป็ตสำหรับรหัสข้อมูลที่คุณสามารถเรียกใช้จากระบบแก้ไขเพื่อเปิดใช้งานคุณสมบัติต่าง ๆ ของ Earth Engine นอกจากนี้คุณยังสามารถบันทึกงานของคุณที่นี่โดยคลิกที่ NEW แล้วจัดทำคลังข้อมูลขึ้น จากคลังข้อมูล คุณสามารถบันทึก แชร์และติดตามการเปลี่ยนแปลงของโฟลเดอร์และไฟล์ข้อมูลที่คุณกำลังใช้งาน เอกสารฉบับเต็มในระบบแก้ไขรหัสข้อมูลหรือสืบค้นได้จากที่นี่

ก้าว 4
กล่องค้นหาด้านบนของระบบแก้ไขรหัสข้อมูลช่วยให้คุณสามารถค้นหา Data Catalog ได้ Get Link: จัดทำลิงค์เฉพาะไปยังสคริปต์ที่คุณกลำงใช้งานเพื่อให้คุณสามารถแชร์กับคนอื่น ๆ “Save” และ “Run” ดำเนินการตามที่กำหนด ส่วน “Reset” เป็นการล้างรหัสข้อมูลของคุณ

ก้าว 5
ทางด้านขวาของระบบแก้ไขรหัสข้อมูลประกอบไปด้วยแท็บ Inspector, Console และ Tasks แท็บ Inspector ช่วยให้คุณสามารถใช้เคอร์เซอร์เพื่อตรวจสอบเลเยอร์ต่าง ๆ ที่แสดงบนแผนที่ แท็บ Console เป็นการแสดงออบเจคต์ต่าง ๆ หากคุณใช้ print ()ในระบบแก้ไขรหัสข้อมูล แท็บ “Tasks” ใช้จัดการการประมวลผลที่ใช้เวลานาน เช่น วิดีโอ การส่งออกไฟล์แผนที่คงที่ หรือการส่งออกผลการวิเคราะห์เป็นตาราง, GeoTIFF และรูปแบบข้อมูลอื่น ๆ

ก้าว 1
ภาพทางด้านซ้ายใช้ติดตามการเติบโตและการถดถอยของพื้นที่เพาะปลูกในแถบอาฟริกาตะวันออกในช่วงเวลาหนึ่งปีโดยใช้ข้อมูลจาก NDVI ที่เราเพิ่มไปยังระบบแก้ไขรหัสข้อมูลก่อนหน้านี้

ก้าว 2
เริ่มจากระบุพื้นที่ที่ต้องการ เพิ่มรหัสข้อมูลนี้ไว้ที่ชุดข้อมูล:var rect = ee.Geometry.Rectangle({  coords: [[-12, 15], [3, 2]],  geodesic: false});Map.addLayer(rect);Map.centerObject(rect, 3);coords = จุดตามค่าลองจิจูดและละติจูดที่จะนำเสนอ คลิก Run 

ก้าว 3
ตอนนี้เรามีพื้นที่ที่ต้องการนำเสนอสำหรับเตรียมภาพแอนิเมชั่น GIF แล้วโดยการใช้การสร้างข้อมูลเสมือนจริง () โดยจะแปลงข้อมูลพิกเซลต้นฉบับเป็นข้อมูล RGB 8 บิตที่เหมาะสำหรับใช้เป็นวิดีโอส่งออกหรือ GIF:var visualizedCollection = ndvi.map(function(image){  return image.visualize(ndviVis)})var firstImage = ee.Image(visualizedCollection.first());map.addLayer(firstImage, {}, "first image");

ก้าว 4
ขั้นตอนก่อนสุดท้ายคือการระบุพารามิเตอร์สำหรับผลงานแอนิเมชั่น:var animationParams = {    dimensions: '300',    crs: 'EPSG:3857',    region: geometry,    framesPerSecond: 12,}

ก้าว 5
ขั้นตอนสุดท้ายคือการจัดทำภาพย่อและเพิ่มภาพไปยังแผนที่:var thumb = ui.Thumbnail({   image: visualizedCollection,  params: animationParams,  style: {    position: 'bottom-right',    width: '320px'  }});Map.add(thumb);คลิก Run

ก้าว 1
ส่งออกวิดีโอโดยเพิ่มรหัสข้อมูลต่อไปนี้:Export.video.toDrive({  collection: visualizedCollection,  description: 'NDVIVideoExample',  dimensions: 720,  framesPerSecond: 12,  region: rect});คลิก Run

ก้าว 2
ขณะเรนเดอร์ผลงานวิดีโอ การดำเนินการนี้จะถูกจัดทำขึ้นเป็น Task หากคุณไปที่แท็บ Task คุณจะเห็นว่ามี Task ที่ตนเองจัดทำไว้ที่ต้องเรียกใช้เพื่อจัดทำผลงานวิดีโอ หลังจากคลิก “Run” วิดีโอจะถูกเรนเดอร์ไปยังไดร์ฟของคุณลิงค์นี้จะนำคุณไปยังสคริปต์ชุดนี้ที่มีการบันทึกไว้หมายเหตุ: การส่งออกเป็นชุดจะต้องใช้เวลาดำเนินการพอสมควร คุณสามารถตรวจสอบสถานะของการส่งออกโดยดูจากแท็บ Tasks หลังจากดำเนินการเสร็จสิ้น สีจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน