ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
ไปที่หน้าแดชบอร์ด
หากไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากตรงไหน ลองทำแบบทดสอบสั้นๆ เพื่อรับคำแนะนำที่ปรับให้เหมาะกับคุณ
บทเรียนที่ 3 จาก 9
ประมาณรายได้จากโฆษณา
5 นาที บทเรียนที่ต้องศึกษาต่อ

ประมาณรายได้จากโฆษณา

ทำความเข้าใจสิ่งที่ส่งผลต่อรายได้จากโฆษณา

ประมาณรายได้จากโฆษณาที่คุณจะมีได้

Blank

หากคุณขายโฆษณาอยู่แล้วหรือกำลังพิจารณาขายโฆษณา เครื่องคำนวณนี้จะช่วยคุณในเรื่องต่อไปนี้

  • ทำความเข้าใจว่าโฆษณาคุ้มค่ากับการลงทุนของคุณหรือไม่ โดยพิจารณาจากการเข้าชมที่ได้รับ
  • ระบุสิ่งที่ส่งผลต่อรายได้จากโฆษณา
  • ระบุว่าควรมุ่งเน้นด้านใดบ้างเพื่อเพิ่มรายได้จากโฆษณา

นี่เป็นเพียงค่าประมาณเท่านั้น ให้ใช้เป็นแนวทาง อย่านำไปใช้โดยตรง

สิ่งใดส่งผลต่อรายได้จากโฆษณา

รายได้จากโฆษณาขึ้นอยู่กับราคาที่คุณขายโฆษณา และปริมาณที่คุณขาย ดังนี้

  • ราคาจะวัดโดยใช้ต้นทุนต่อการแสดงผลพันครั้ง (CPM) หรืออัตราเดียวตามที่ระบุไว้ในเรตการ์ดของคุณ
  • ปริมาณจะวัดโดยใช้การแสดงผลที่มองเห็นได้และอัตราการขายผ่านrate ไม่ว่าคุณจะขายตรงหรือขายแบบเป็นโปรแกรม การแสดงผลที่มองเห็นได้ขึ้นอยู่กับหน่วยโฆษณา การดูหน้าเว็บ และการมองเห็นโฆษณา

รายได้ทั้งหมดจากโฆษณาเป็นผลรวมของรายได้จากการขายตรงและรายได้จากการขายแบบเป็นโปรแกรม

เราจะอธิบายเมตริกแต่ละรายการ วิธีคำนวณ และแนวทางปฏิบัติแนะนำในการปรับปรุง

Blank

รายได้จากโฆษณาคำนวณอย่างไร

Blank

ขั้นตอนที่ 1

คำนวณการแสดงผลที่มองเห็นได้:

การแสดงผลที่มองเห็นได้ = หน่วยโฆษณา × การดูหน้าเว็บ × การมองเห็นโฆษณา

ขั้นตอนที่ 2

หารด้วย 1,000:

การแสดงผลที่มองเห็นได้/1,000

ขั้นตอนที่ 3

คูณด้วยต้นทุนต่อการแสดงผลพันครั้ง (CPM) และอัตราการขายผ่าน (STR):

(การแสดงผลที่มองเห็นได้/1,000) × ต้นทุนต่อการแสดงผลพันครั้ง × อัตราการขายผ่าน

💡 แนวทางปฏิบัติแนะนำ: หากคุณไม่มีเมตริกใดๆ เหล่านี้เลย ให้ใช้ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ซึ่งเราได้รวมไว้ให้คุณแล้ว

Blank

1. หน่วยโฆษณา

Blank

หน่วยโฆษณาคือที่ที่คุณจะแสดงโฆษณาในเว็บไซต์หรือแอปของคุณ

หน่วยโฆษณาต่อหน้าส่งผลต่อเมตริกอื่นๆ การเพิ่มหน่วยโฆษณาส่งผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ในเว็บไซต์ ยิ่งประสบการณ์ของผู้ใช้ดีเท่าไร การมองเห็นโฆษณาก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

จำนวนหน่วยโฆษณาที่เฉพาะเจาะจงต่อหน้าและราคาหน่วยโฆษณาอาจแตกต่างกันไปตามประเภท ขนาด และตำแหน่งโฆษณา ให้ใช้หน่วยโฆษณาเฉลี่ยต่อหน้าเป็นแนวทาง

💡 แนวทางปฏิบัติแนะนำ

  • หากคุณไม่ทราบหน่วยโฆษณาต่อหน้า ให้ไปที่หน้าแรกแล้วนับจำนวนโฆษณาที่เห็น
  • เสนอหน่วยโฆษณาระดับพรีเมียม เช่น โฆษณาที่จัดวางอย่างดีหรือรูปแบบโฆษณาที่เป็นแบบอินเทอร์แอกทีฟมากขึ้น
  • ในหน้าหนึ่งๆ ให้วางบทความหรือเนื้อหาจำนวนมากกว่าโฆษณา
Blank

2. การดูหน้าเว็บ

Blank

การดูหน้าเว็บคือจำนวนครั้งทั้งหมดที่มีการโหลดหน้าเว็บ หากมีคนคลิกโหลดซ้ำหลังจากมาถึงหน้านั้นๆ หรือกลับมาที่หน้า จะนับเป็นการดูหน้าเว็บครั้งที่ 2 เนื่องจากโฆษณาวางอยู่บนหน้าเว็บ การดูหน้าเว็บจึงมีความสัมพันธ์อย่างมากกับการดูโฆษณา

หากคุณไม่ทราบยอดการดูหน้าเว็บทั้งหมดในแต่ละเดือน ให้นำผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่รายเดือน (MAU) ไปคูณกับการดูหน้าเว็บต่อการเข้าชมแต่ละครั้งและการเข้าชมรายเดือนต่อผู้ใช้แต่ละคน

การเข้าชมต่ำหมายถึงรายได้จากโฆษณาต่ำใช่ไหม

ไม่จำเป็นเสมอไป เนื่องจากขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณขายโฆษณา เช่น แม้ว่าคุณอาจรับรายได้ไม่มากนักจากการขายแบบเป็นโปรแกรม แต่ผู้ลงโฆษณาแบบขายตรงอาจเต็มใจเสนอ CPM ที่สูงขึ้นเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น

💡แนวทางปฏิบัติแนะนำ: ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเพิ่มการเข้าชมในบทเรียนจากกลุ่มเป้าหมาย

Blank

3. การมองเห็นโฆษณา

Blank

จะมีการวัดการมองเห็นโฆษณาเมื่อโฆษณาหนึ่งๆ มองเห็นได้อย่างน้อย 50% เป็นเวลาอย่างน้อย 1 วินาที (โฆษณา Display) หรือ 2 วินาที (โฆษณาวิดีโอ)

ผู้ลงโฆษณาจำนวนมากไม่รวมโฆษณาที่มองเห็นได้น้อยไว้ในการซื้อโฆษณาโดยรวม และกำหนดให้แคมเปญโฆษณาต้องเป็นไปตามเกณฑ์การมองเห็นโฆษณา เช่น มีการมองเห็นโฆษณาเป็น 70% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ Interactive Advertising Bureau (IAB) แนะนำ

การมองเห็นโฆษณาส่งผลต่อเมตริกอื่นๆ ดังนี้

  • สำหรับการมองเห็นโฆษณาที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1% ผู้เผยแพร่เนื้อหามีแนวโน้มที่จะพบว่า CPM เพิ่มขึ้น 2%
  • หากการมองเห็นโฆษณาอยู่ที่ 70-80% CPM จะสูงกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับการมองเห็นโฆษณาที่ 10%
  • ขนาด ประเภท และตำแหน่งของหน่วยโฆษณาจะมีผลต่อการมองเห็นโฆษณา

💡 แนวทางปฏิบัติแนะนำเพื่อเพิ่มการมองเห็นโฆษณา

  • วางโฆษณาให้มองเห็นได้โดยไม่ต้องเลื่อน หรือที่เรียกว่าครึ่งหน้าบน
  • วางโฆษณาไว้ใกล้กับด้านล่างของหน้าจอ หรือที่เรียกว่าวิวพอร์ต
  • วางโฆษณาไว้ใต้แถบนำทาง แทนที่จะวางไว้ที่ด้านบนสุดของหน้า
Blank

การแสดงผลของคุณช่างน่าประทับใจ

Blank

ตอนนี้คุณมียอดการแสดงผลที่มองเห็นได้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งเป็นพื้นที่โฆษณาที่พร้อมใช้งาน

สิ่งใดส่งผลต่อมูลค่าของพื้นที่โฆษณา

การขายโฆษณาจะคิดเป็นหลักพันครั้ง ผู้ลงโฆษณาจ่ายเงินในอัตราที่เรียกว่าต้นทุนต่อการแสดงผลพันครั้ง (CPM) สำหรับการแสดงผลทุกๆ 1,000 ครั้ง

ผู้เผยแพร่เนื้อหาส่วนใหญ่ไม่ได้ขายการแสดงผลทั้งหมดของตน อัตราการขายผ่าน (STR) จะวัดจำนวนการแสดงผลที่มองเห็นได้ซึ่งคุณขาย โดยหารด้วยการแสดงผลที่มองเห็นได้

💡 แนวทางปฏิบัติแนะนำ: หลีกเลี่ยงการวางโฆษณาไว้ข้างข่าวด่วนที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ความรู้สึกของผู้คน สภาพอากาศสุดขั้ว หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่ผู้ลงโฆษณาอาจไม่ต้องการให้โฆษณาของตนปรากฏอยู่ด้านข้าง

Blank

4. เลือกวิธีการขายโฆษณา

Blank

จากนั้น เลือกจำนวนโฆษณาที่คุณจะขายตรงหรือขายแบบเป็นโปรแกรม และจำนวนโฆษณาที่จะกันไว้สำหรับโฆษณาเฮาส์แอ็ด

ฉันจะตัดสินใจเลือกขายตรงหรือขายแบบเป็นโปรแกรมได้อย่างไร

โดยเฉลี่ยแล้วองค์กรข่าวต่างๆ จะขายโฆษณาแบบขายตรง 75% และแบบเป็นโปรแกรม 25%

ลดการจัดสรรโฆษณาเพื่อขายตรงหากคุณไม่ได้ขายโฆษณาเต็ม 100% โดยทั่วไปโฆษณาแบบขายตรงจะขายในราคาที่สูงกว่า (CPM ราคา $10-20) แต่จะขายไม่ได้ทั้งหมด (มีการขายผ่าน 60-80%)

การลดโฆษณาแบบขายตรงซึ่งแม้ว่าจะมีราคาสูงกว่าก็ตาม จะช่วยลดพื้นที่โฆษณาที่ขายไม่ได้โดยการทำให้มีการขายโฆษณาเหล่านั้นแบบเป็นโปรแกรม

มาดูโฆษณาเฮาส์แอ็ดบ้าง

โฆษณาเฮาส์แอ็ดเป็นโฆษณาในเว็บไซต์ข่าวหรือแอปข่าวของคุณซึ่งใช้เพื่อโปรโมตองค์กรข่าวหรือผลิตภัณฑ์ของทางองค์กร โดยโฆษณาเฮาส์แอ็ดใช้พื้นที่โฆษณาของคุณโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

การใช้พื้นที่โฆษณาของคุณเองอาจดูไม่สมเหตุสมผล แต่คุณสามารถแสดงโฆษณาเฮาส์แอ็ดเมื่อไม่มีการขายโฆษณาอื่น และโฆษณาเฮาส์แอ็ดจะช่วยให้คุณมีรายได้ประเภทอื่นๆ เพิ่มได้ หากเปิดให้สมัครสมาชิก คุณจะใช้โฆษณาเฮาส์แอ็ดเพื่อโปรโมตการสมัครสมาชิกแก่ผู้อ่านได้ ซึ่งจะทำให้คุณได้รับรายได้จากสมาชิกแทนที่จะเป็นผู้ลงโฆษณา

Blank

5. CPM แบบขายตรงและ STR

Blank

การขายตรงเกิดขึ้นเมื่อคุณขายให้แก่ลูกค้าโดยไม่มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยปกติแล้วโฆษณาแบบขายตรงจะสร้างรายได้มากกว่าโฆษณาแบบเป็นโปรแกรม 2-3 เท่า

ราคาของ CPM แบบขายตรงจะอยู่ในช่วง $10-$20 และอัตราการขายผ่านจะมีตั้งแต่ 60-80%

โฆษณาแบบขายตรงมีการขายอย่างไร

  • CPM คือราคาที่ผู้ลงโฆษณาจ่ายสำหรับการแสดงผลทุกๆ 1,000 ครั้ง

  • การขายแบบผู้สนับสนุนเกิดขึ้นเมื่อคุณขายโฆษณาในรูปแบบ ขนาด หรือตำแหน่งโฆษณาต่างๆ ให้แก่ผู้ลงโฆษณารายเดียวโดยเฉพาะ เช่น โฆษณา Takeover ในหน้าแรก โดยทั่วไปแล้วจะมีการขายในราคาเดียว เช่น $5,000 สำหรับโฆษณา Takeover รายเดือน

  • การขายแบบส่วนแบ่งของเสียงในตลาดเกิดขึ้นเมื่อคุณขายโฆษณาให้แก่ผู้ลงโฆษณาหลายราย และแต่ละรายได้รับเปอร์เซ็นต์การแสดงผลระดับหนึ่ง ตัวอย่างเช่น สำหรับโฆษณา Takeover ในหน้าแรกที่มีผู้ลงโฆษณา 2 ราย ผู้ลงโฆษณาแต่ละรายอาจมีการแสดงผลได้ถึง 50%
Blank

6. CPM แบบเป็นโปรแกรมและ STR

Blank

การขายแบบเป็นโปรแกรมเกิดขึ้นเมื่อคุณขายโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มอัตโนมัติ เช่น Google Ad Manager

ราคาของ CPM แบบเป็นโปรแกรมมีตั้งแต่ $1 ถึง $5 และอัตราการขายผ่านมีตั้งแต่ 90-100%

โฆษณาแบบเป็นโปรแกรมมีการขายอย่างไร

การขายแบบเป็นโปรแกรมจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าคุณขายให้ใคร และราคาที่บุคคลนั้นจ่ายเป็นเท่าใด ดังนี้

  • การประมูลแบบเปิด: คุณเสนอโฆษณาให้แก่ผู้ลงโฆษณาทุกราย ซึ่งเสนอราคาแบบเรียลไทม์
  • การประมูลส่วนตัว: คุณเสนอโฆษณาให้แก่ผู้ลงโฆษณากลุ่มหนึ่ง ซึ่งเสนอราคาแบบเรียลไทม์
  • ดีลที่ต้องการ: คุณเสนอโอกาสแรกแก่ผู้ลงโฆษณารายหนึ่งให้ซื้อโฆษณาของคุณในราคาที่ตกลงกันไว้
  • ดีลที่รับประกันการแสดงผล: คุณเสนอโฆษณาให้แก่ผู้ลงโฆษณารายหนึ่งในราคาที่ตกลงกันไว้

ราคาของการขายแบบเป็นโปรแกรมจะแตกต่างกันไปอย่างไร

  • การประมูลแบบเปิดมีอัตราการขายผ่านสูงที่สุด แต่มี CPM ต่ำกว่า
  • การประมูลส่วนตัวมี CPM สูงกว่า แต่มีอัตราการขายผ่านต่ำกว่า เนื่องจากมีผู้ลงโฆษณาน้อยกว่า
  • ดีลที่ต้องการและดีลที่รับประกันการแสดงผลมี CPM ได้สูงที่สุด แต่มีอัตราการขายผ่านต่ำกว่า
Blank
ยินดีด้วย คุณทำสำเร็จแล้ว ประมาณรายได้จากโฆษณา in progress
Recommended for you
คุณจะให้คะแนนบทเรียนนี้อย่างไร
ความคิดเห็นของคุณจะช่วยให้เราปรับปรุงบทเรียนได้อย่างต่อเนื่อง
Leave and lose progress?
By leaving this page you will lose all progress on your current lesson. Are you sure you want to continue and lose your progress?