เพิ่มรายได้จากโฆษณาดิจิทัลด้วย Google Ad Manager
เริ่มต้นใช้งาน Google Ad Manager เพื่อเพิ่มรายได้จากโฆษณาดิจิทัล
เริ่มต้นใช้งาน Google Ad Manager
Google Ad Manager เป็นแพลตฟอร์มการจัดการโฆษณาที่ให้คุณขายโฆษณาแบบโดยตรงและแบบเป็นโปรแกรมโดยใช้ Ad Exchange และเครือข่ายหลากหลายแห่งได้ ซึ่งนับเป็นโซลูชันที่ดีสำหรับคุณหากคุณเปิดตัวดีลการโฆษณาโดยตรง มีทีมปฏิบัติการโฆษณาหรือทีมขาย ต้องการใช้ประโยชน์จากดีลเครือข่ายบุคคลที่สาม หรือแสดงโฆษณาในรูปแบบต่างๆ กัน เช่น Display, แอป หรือวิดีโอ หากเงื่อนไขเหล่านี้ไม่ตรงกับคุณ โปรดดูข้อมูลเกี่ยวกับ AdSense แทน
ระบบอัตโนมัติของ Google Ad Manager ช่วยให้คุณเพิ่มรายได้ได้ง่ายขึ้น แสดงข้อมูลเชิงลึกและโอกาส ตลอดจนช่วยคุณประหยัดเวลาและเงินด้วยการลดความซับซ้อนของกระบวนการ
ในบทเรียนนี้ โปรดดูวิธีการดังต่อไปนี้
- จัดการพื้นที่โฆษณาของคุณ
- สร้างตำแหน่งโฆษณา
- ให้แท็กโฆษณาทำงานอัตโนมัติ
- เตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวเป็นอันดับแรก
เข้าสู่ระบบ Google Ad Manager
- ไปที่ admanager.google.com
- คลิกลงชื่อเข้าใช้
- เลือกบัญชี Google หรือป้อนอีเมลและรหัสผ่านของคุณ
ปรับแต่งแดชบอร์ดภาพรวม ดังนี้
- ดูการแสดงผล, รายได้, eCPM แยกตามมิติข้อมูลและแชแนล
- เปรียบเทียบประสิทธิภาพตามระยะเวลาที่ผ่านไป
- รับข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำเกี่ยวกับกฎการกำหนดราคา ดีมานด์ ประเภทโฆษณา ข้อผิดพลาด และผู้ลงโฆษณา
จัดการพื้นที่โฆษณาของคุณ
ยิ่งพื้นที่โฆษณาได้รับการจัดให้เป็นระเบียบมากเท่าใด คุณก็จะยิ่งมีโอกาสได้แสดงโฆษณาที่ต้องการ ณ ตำแหน่งที่ถูกต้อง และในเวลาที่เหมาะสมมากขึ้นเท่านั้น
หน่วยโฆษณาคือตำแหน่งที่โฆษณาจะปรากฏได้ พื้นที่โฆษณาคือหน่วยโฆษณาทั้งหมดที่มีอยู่ในเว็บไซต์ของคุณ
หน่วยโฆษณามีการจัดเป็นลำดับชั้น ดังนี้
- หน่วยระดับบนสุด หรือที่เรียกว่าหน่วยหลัก สามารถใช้เพื่อกำหนดเป้าหมายทั้งหน่วยระดับบนสุดและหน่วยระดับต่ำลงมา
- หน่วยระดับต่ำลงมา หรือที่เรียกว่าหน่วยย่อย จะรับแอตทริบิวต์ต่างๆ มาจากหน่วยระดับบนสุด
ตัวอย่างเช่น หน่วยระดับบนสุดอาจเป็นเว็บไซต์ของคุณ หน่วยระดับที่ 2 อาจเป็นส่วนกีฬา และหน่วยระดับที่ 3 อาจเป็นฟุตบอล คุณควรใช้ลำดับชั้นนี้ในการจัดระเบียบพื้นที่โฆษณาสำหรับแต่ละหน่วย
ตั้งค่าหน่วยโฆษณา
- เข้าสู่ระบบ Google Ad Manager
- ไปที่พื้นที่โฆษณา > หน่วยโฆษณา
- คลิกหน่วยโฆษณาใหม่
- เลือกหน่วยระดับบนสุดสำหรับหน่วยโฆษณาหลัก
- ตั้งชื่อหน่วยโฆษณา ตั้งชื่อที่แสดงถึงสิ่งนั้นอย่างชัดเจน (เช่น World_News_Online_BoxATF ซึ่งระบุว่านี่คือตำแหน่งครึ่งหน้าบน) คุณเพิ่มตัวระบุหรือคำอธิบายที่ไม่ซ้ำกันได้ หากต้องการ
- กำหนดขนาดโฆษณา
- กำหนดหน้าต่างเป้าหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณคลิกโฆษณา โดยโฆษณาสามารถโหลดในหน้าเดียวกันหรือเปิดหน้าต่างใหม่ก็ได้ (โดยค่าเริ่มต้น _blank จะส่งโฆษณาไปยังหน้าต่างใหม่)
- กำหนดการตั้งค่าขั้นสูง
- คลิกบันทึก
💡 แนวทางปฏิบัติแนะนำ
- จัดหน่วยโฆษณาตามวิธีที่ใช้จัดระเบียบเว็บไซต์ของคุณ
- ฝังหน่วยโฆษณาระดับต่ำลงมาที่เกี่ยวข้องไว้ภายในหน่วยโฆษณาระดับบนสุด
สร้างตำแหน่งโฆษณา
ตำแหน่งโฆษณาเป็นวิธีหนึ่งในการจัดกลุ่มโฆษณา เพื่อให้ผู้ลงโฆษณากำหนดเป้าหมายโฆษณาประเภทต่างๆ โดยเฉพาะได้ ตัวอย่างเช่น ผู้ค้าปลีกอุปกรณ์กีฬาอาจต้องการให้โฆษณาของตนปรากฏใกล้กับข่าวกีฬาทั่วเว็บไซต์ของคุณเท่านั้น
ตำแหน่งโฆษณาที่พบได้ทั่วไปได้แก่
- ขนาด เช่น ลีดเดอร์บอร์ดทั้งหมดในเว็บไซต์
- หัวข้อต่างๆ เช่น กีฬา การเดินทาง หรือสภาพอากาศ
- ตำแหน่งบนหน้า เช่น ใต้ส่วนหัว
- ฤดูกาล เช่น วันหยุดหรือช่วงเวลาอื่นๆ ของปี
- หน้าแรก หากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์ข่าวหลายแห่ง
สร้างตำแหน่งโฆษณา
- เข้าสู่ระบบ Google Ad Manager
- ไปที่พื้นที่โฆษณา > หน่วยโฆษณา > ตำแหน่งโฆษณา
- คลิกตำแหน่งโฆษณาใหม่ และตั้งชื่อ
- เพิ่มรายละเอียด
- ไปที่พื้นที่โฆษณา และเลือกโฆษณาที่เกี่ยวข้อง
- คลิกบันทึก
💡แนวทางปฏิบัติแนะนำ: หลีกเลี่ยงการกำหนดโฆษณาไปยังตำแหน่งโฆษณาหลายตำแหน่ง เนื่องจากอาจทำให้การรายงานยุ่งยาก
สร้างแท็กโฆษณาด้วยแท็กผู้เผยแพร่โฆษณาผ่าน Google
เมื่อสร้างหน่วยโฆษณาและตำแหน่งโฆษณาแล้ว คุณจะต้องมีแท็กผู้เผยแพร่โฆษณาผ่าน Google แท็กผู้เผยแพร่โฆษณาผ่าน Google (GPT) ช่วยให้คุณแท็กโฆษณาโดยอัตโนมัติได้โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดด้วยตนเอง
- เข้าสู่ระบบ Google Ad Manager
- ไปที่พื้นที่โฆษณา > หน่วยโฆษณา
- คลิกชื่อของหน่วยโฆษณา
- ไปที่แท็กในรายละเอียดหน่วยโฆษณา
- เลือกแท็กที่เกี่ยวข้อง เช่น ขนาด แล้วคลิกดำเนินการต่อ
- คัดลอกแท็กจากผลลัพธ์ของแท็กที่ได้มา
- ส่งให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อรวมไว้ในซอร์สโค้ด
คุณยังสร้างแท็กโฆษณาด้วยตนเองได้อีกด้วย แต่ Ad Manager มีเครื่องมือสร้างแท็กที่ช่วยคุณหรือนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในการสร้างแท็กที่เหมาะสม
เตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวเป็นอันดับแรก
ผู้คนต่างขอความเป็นส่วนตัวบนเว็บมากขึ้น แต่ในขณะที่ 2 ใน 3 ของผู้บริโภคต้องการโฆษณาที่ปรับแต่งตามความสนใจของตน เกือบครึ่งหนึ่งรู้สึกไม่สบายใจที่จะแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อแลกกับโฆษณาที่ปรับแต่งให้เหมาะกับตน
เพื่อให้เป็นไปตามความคาดหวังดังกล่าว Google กำลังเลิกใช้คุกกี้ของบุคคลที่สามและโซลูชันการโฆษณาที่ติดตามผู้ใช้แต่ละรายในขณะท่องเว็บ
คุกกี้ของบุคคลที่สามคืออะไร
คุกกี้ทำให้การท่องเว็บง่ายขึ้นด้วยการบันทึกข้อมูลการท่องเว็บ เช่น การเข้าสู่ระบบ ค่ากำหนด หรือตำแหน่งของคุณ คุกกี้ของบุคคลที่หนึ่งสร้างขึ้นโดยเว็บไซต์ที่คุณกำลังใช้งาน ในขณะที่คุกกี้ของบุคคลที่สามสร้างขึ้นโดยเว็บไซต์อื่น
Google กำลังทำอะไรเกี่ยวกับคุกกี้ของบุคคลที่สาม
Privacy Sandbox เป็นชุดข้อเสนอในการยุติการใช้คุกกี้ของบุคคลที่สาม ในขณะที่
- สร้างเทคโนโลยีใหม่เพื่อรักษาข้อมูลของคุณให้เป็นส่วนตัว
- ช่วยให้ผู้เผยแพร่เนื้อหาและนักพัฒนาซอฟต์แวร์เก็บเนื้อหาออนไลน์ไว้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
- ร่วมมือกับทางอุตสาหกรรมเพื่อสร้างมาตรฐานความเป็นส่วนตัวทางอินเทอร์เน็ตใหม่
ฉันจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้เว็บไซต์ข่าวของฉันเคารพความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ผู้เผยแพร่เนื้อหา 70% จากทั้งหมดเชื่อว่าความสามารถของตนในการเปิดใช้งานข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งจะเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในอนาคตที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวเป็นอันดับแรก
- กระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายสมัครรับจดหมายข่าวหรือสมัครสมาชิก ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งแก่คุณ และข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจบุคคลเหล่านั้นได้ดีขึ้น
- อนุญาตคุกกี้ของบุคคลที่หนึ่งโดยไปที่ผู้ดูแลระบบ > การตั้งค่าส่วนกลาง > ค่าที่กำหนดเองของโฆษณา > คุกกี้ของบุคคลที่หนึ่งสำหรับโฆษณา
- ดูไทม์ไลน์ของ Privacy Sandbox และแชร์ความคิดเห็น
-
เพิ่มการเข้าชมด้วยการแชร์ผ่านโซเชียล
บทเรียนเริ่มใช้ประโยชน์จากโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ -
-